เซอร์ดาน ชากิรี่ เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 1991 เป็นนักฟุตบอลทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เขาเล่นในตำแหน่งปีกกับลิเวอร์พูล และทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับบาเซิล และได้รับแชมป์สวิส ซูเปอร์ลีก ก่อนที่จะย้ายเข้าสู่ทีมบาเยิร์น มิวนิค ที่ซึ่งเขาเล่นที่นั้น และได้แชมป์กว่า 8 รายการถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ลงสนามมากนัก จากนั้นเดือนมกราคม 2015 เขาย้ายสู่ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร และย้ายมาเล่นที่สโต๊ค ซิตี้ 7 เดือน ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ หลังจากที่สโต๊คตกชั้นสู่พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2018 ชากิรี่ได้เซ็นสัญญาย้ายมาสู่ลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 13.5 ล้านปอนด์ เขาติดทีมชาติชุดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2010 เขาลงสนามไปแล้วกว่า 70 นัดยิงได้ 20 ประตูให้ทีมชาตสวิตเซอร์แลนด์ เขาได้ลงสนามในฟุตบอลโลก 2010, 2014, 2018 และฟุตบอลยูโร 2016 (รอบสุดท้ายทั้งหมด)
ชีวิตวัยเด็ก
ชากิรี่เกิดที่เมือง กิลยัน ยูโกสลาเวีย โดยพ่อแม่ของเขาเป็นชาวแอลเบเนีย และเขาได้อพยพมาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 1992 กับพ่อแม่และพี่น้องอีก 3 คน เขาตั้งรกรากที่เมือง อ๊อกสต์ เมืองเล็กในจังหวัดบาเซิล ใกล้กับชายแดนฝรั่งเศสและเยอรมัน พ่อของเขาพูดภาษาสวิส-เยอรมันไม่ได้ ดังนั้นพ่อของเขาจึงทำงานได้เพียงล้างจานในภัตตาคารแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะมาทำงานก่อสร้างถนน แม่ของเขาเป็นแม่บ้าน ในตึกสำนักงานในเมือง โดยที่เขาและพี่ชายของเขาก็ต้องช่วยเหลือพ่อแม่ด้วย พ่อของเขาเป็นคนส่งเงินกลับไปยังครอบครัวที่อยู่โคโซโวเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นชีวิตวัยเด็กของเซอร์ดานจึงไม่ได้ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยนัก (ยกเว้นวันเกิดที่ได้ฉลองเต็มที่) เขามีไอดอลเป็นโรนัลโด้ นักเตะกองหน้าชาวบราซิล
ระดับสโมสร
เอฟซี บาเซิล
ชากิรี่ออกสตาร์ทการเล่นฟุตบอลกับทีมบ้านเกิด เอสวี อ๊อกสต์ และเมื่ออายุ 8 ขวบฟอร์มการเล่นก็ไปเข้าตาของทีม บาเซิล ทำให้เขาได้ย้ายไปฝึกฟุตบอลระดับเยาวชนกับบาเซิล ที่เขาได้ลงสนามแข่งฟุตบอลรายการ ไนกี้คัพ ยู 15 เมื่อปี 2007 และได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ นอกจากนี้ยังมีหลายทีมสนใจอยากจะเซ็นสัญญาเขาไปร่วมทีม สุดท้ายเขาตัดสินใจอยู่กับบาเซิล เขาได้ลงสนามในเกมของทีมสำรองช่วงปี 2007-2009 ในลีกา วัน สวิส, ต่อมาชากิรี่เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับบาเซิลเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2009 โดยจะทำให้เขาอยู่ในถิ่นเซนต์ จาค็อบ ปาร์คถึงมิถุนายน 2014 ชากิรี่ลงประเดิมสนามให้บาเซิล โยลงมาเป็นตัวสำรองวันที่ 12 กรกฎาคม 2009 ในฤดูกาล 2009/10 เกมเปิดฤดูกาลกับแซงต์กัลเลน ที่ เอฟเอจี อารีน่า , สี่เดือนต่อมา เขายิงประตูแรกในฟุตบอลลีก ในเกมที่บาเซิลชนะนูชาเตล ซามักซ์ จบด้วย ผลบอล 4-1 ที่สนามเหย้าวันที่ 9 พฤศจิกายน 2009 เขาจบฤดูกาลกับทีมด้วยพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกได้ (หลังจากเมื่อฤดูกาลก่อน บาเซิลก็ได้แชมป์ลีกเหมือนกัน) เดือนธันวาคม 2011 ชากิรี่ แอสซิสต์สองประตูในเกมที่พบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนั้นบาเซิลชนะ 2-1 สิ้นสุดฤดูกาล 2011/12 เขาพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งแชมป์ฟุตบอลลีกและแชมป์สวิสคัพ
บาเยิร์น มิวนิค
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2012 บาเซิลประกาศว่าเซอร์ดาน ชากิรี่ บรรลุข้อตกลงในการย้ายไปเล่นให้บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน ในฤดูกาล 2012/13 ค่าตัวในการย้ายทีมอยู่ที่ 11.6 ล้านยูโร เขาเซ็นสัญญากับทีมเสือใต้ 4 ปี จนกระทั่งถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2016 ซึ่งสโมสรจะจ่ายเงินค่าเหนื่อยให้เขาประมาณ 2 ล้านยูโรต่อฤดูกาล เขาต้องแข่งขันกับมิดฟิลด์รายอื่นของทีมทั้ง ฟร้องค์ ริเบรี่,อาร์เยน ร็อบเบน , โทนี่ โครส และโธมัส มุลเลอร์
วันที่ 10 กรกฎาคม 2012 ชากิรี่ลงประเดิมสนามเกมอุ่นเครื่องให้บาเยิร์น มิวนิคเกมที่พบอุนเตอร์ฮัคกิ้ง โดยทีมของเขาชนะ 1-0 เขาได้ลงสนามเกมทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม เกมเดเอฟเบโพคาล ที่พบยาน เรเก้นสบวร์ก โดยลงมาในครึ่งหลัง เขายิงประตูที่สองให้ทีม จากการผ่านบอลมาให้ของ มาริโอ มานด์ซูคิช เกมนั้นบาเยิร์นชนะ 4-0 เขาช่วยบาเยิร์นให้เข้ารอบในฐานะทีมแชมป์กลุ่ม (แชมเปี้ยนส์ลีก ) โดยทั้งยิงและจ่ายในเกมที่ชนะ BATE บาริซอฟ 4-1 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เกมนั้นเขาได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ด้วย
ชากิรี่ไม่ได้ยิงประตูแรกในบุนเดสลีกาเลย จนกระทั่งสิ้นปี 2012 เขายิงประตูโทนให้ทีมเสมอกลัดบัค 1-1 และวันที่ 16 เมษายน 2013 เขายิงประตูให้ทีมเกมเดเอฟเบ โพคาลรอบรองชนะเลิศเกมที่พบโวล์ฟบวร์กเป็นการยิงระยะไกล และสุดท้ายทีมก็ได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยในปีนั้น ชากิรี่อยู่ในทีมบาเยิร์นชุดที่ชนะเลิศ แชมเปี้ยนสีก เมื่อฤดูกาล 2012/13 แชมป์บุนเดสลีกาและแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะของบาเยิร์นชุดที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิลแชมป์ เขายังได้แชมป์ฟุตบอลยูฟ่า ซูเปอร์คัพและฟุตบอลสโมสรโลกในปีนั้น เดือนมิถุนายน 2014 เขาได้รับเลือกจากสมาคมฟุตบอลสวิตเซอร์แลนด์ว่าเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในวัยเพียง 22 ปี โดยได้ไปแล้วกว่า 12 แชมป์
อินเตอร์ มิลาน
ชากิรี่ย้ายทีมสู่อินเตอร์ มิลาน วันที่ 9 มกราคม 2015 ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร เขาเซ็นสัญญา 4 ปีครึ่งกับทีม โดยก่อนหน้านั้น สโต๊ค ซิตี้ก็สนใจอยากได้ตัวเขาเช่นกัน เขาต้องการสวมเสื้อหมายเลข 23 แต่อันเดรีย ราน็อคเคีย เป็นเจ้าของอยู่เลยไปใส่เสื้อเบอร์ 91 แทน (ปีที่เขาเกิด) เขาถูกส่งเป็นตัวสำรองแต่ไม่ได้ลงสนามเกมที่อินเตอร์มีชัยเหนือเจนัว 3-1 ที่ซานซิโร่ , เขาประเดิมสนามให้อินเตอร์นัดแรกวันที่ 17 มกราคม โยลงสนาม 16 นาทีเป็นตัวสำรองของลูคัส โพโดลสกี้ ชากิรี่ได้ประเดิมสนามในฟุตบอลโคปป้า อิตาเลียนัดที่พบซามพ์โดเรีย รอบ 16 วันที่ 22 มกราคม และเขายิงประตูแรกให้ทีม ในเกมที่ชนะ 2-0 ช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบควอเตอร์ไฟนัล เขายิงประตูแรกในฟุตบอลเซเรียอา วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2015 เกมที่ไปเยือนชนะ อตาลันต้า 4-1 4 วันต่อมาเขามีชื่อลงเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปกับอินเตอร์ มิลาน เขายิงประตูแรกจากการส่งบอลให้ของซดราฟโก้ คุซมาโนวิช เกมนั้นอินเตอร์ มิลานไปเยือนและเสมอกลาสโกว์ เซลติก 3-3

สโต๊ค ซิตี้
เดือนกรกฎาคม 2015 สโต๊คตกลงจะจ่ายค่าตัวชากิรี่ 12 ล้านปอนด์ แต่ว่าไม่ทันกำหนดเส้นตายการย้ายทีม แต่ว่าอย่างไรก็ตามเขาตกลงกับทีมข่างปั้นหม้อ และตรวจร่างกายผ่านไปเรียบร้อยแล้ว และเอฟเวอร์ตันก็เป็นอีกทีมหนึ่งที่สนใจอยากได้กองหน้าชาวสวิสรายนี้ไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว แต่ว่าอินเตอร์อยากขายขาดมากกว่า วันที่ 11 สิงหาคม ชากิรี่ก็ได้ย้ายไปสโต๊ค ซิตี้ อย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ (14.5 ล้านยูโร) ในสัญญา 5 ปี
ฤดูกาล 2015/16
เขาได้ลงสนามกับสโต๊ค ในอีก 11 วันถัดมา เกมเสมอ 1-1 กับนอริชที่สนามแคร์โรว์ โร้ด เขาแอสซิสต์ให้มาเม่ บิรัม ดิยุฟโหม่งบอลเข้าไปจากการเปิดฟรีคิกของเขา และเขายิงประตูแรกเกมในครึ่งแรกที่เปิดบ้านชนะเอฟเวอร์ตัน 4-3 ประตูที่เขายิงได้เป็น(ประตูที่สองของสโต๊ค) จากลูกฮาล์ฟวอลเลย์ผ่านทิม โฮเวิร์ด นายทวารชาวอเมริกันด้วยการผ่านบอลของโบยาน เกอร์กิช และยังยิงประตูนิวคาสเซิลด้วยระยะ 20 หลา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2016 รวมแล้วเขาลงสนาม 32 นัดให้ทีมในฤดูกาล2015/16 พาทีมจบอันดับ 9 ในพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล 2016/17
ชากิรี่ยิงประตูจากฟรีคิกระยะ 20 หลาเกมที่แข่งกับมิดเดิ้ลสโบร์ช เกมเปิดฤดูกาล 2016/17 อย่างไรก็ตามเขาเจ็บน่องต้องพักอีกราว 6 สัปดาห์ , กลับมาลงสนามอีกครั้งวันที่ 24 กันายนา 2016 เกมที่แข่งกับเวสต์บรอมวิช อัเลี้ยน เกมนั้นเขาแอสซิสต์ให้ โจ อัลเลนยิงประตูเสมอ 1-1 ,ชากิรี่ยิงประตูจากนอกเขตโทษ 2 ประตูใน 2 เกมที่แข่งกับฮัลล์ ซิตี้วันที่ 22 ตุลาคม 2016 และวันที่ 15 เมษายน 2017 ที่เป็นประตูสุดสวยของทีมเลยทีเดียว ชากิรี่ลงสนาม 22 นัดในฤดูกาล 2016/17 ช่วยทีมสโต๊คจบอันดับที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล 2017/18
ชากิรี่ยิงประตูแรกในฤดูกาล 2017/18 เกมที่พบนิวคาสเซิล วันที่ 16 กันยายน เขายิงประตูตีเสมอให้ทีมก่อนที่จะแพ้ 1-2 วันที่ 4 พฤศจิกายน เขายิงประตูตีเสมอ 2-2 เกมที่แข่งกับเลสเตอร์ , วันที่ 25 พฤศจิกายน เขายิงประตูเกมที่แพ้ 1-2 ต่อคริสตัล พาเลซ วันที่ 2 ธันวาคม เขายิงประตูชัยให้ทีมชนะ 2-1 เหนือสวอนซี , วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2018 เขายิงประตูแรกเกมที่แพ้บอร์นมัธ 1-2 , สัปดาห์ถัดมา 10 กุมภาพันธ์ เขายิงประตูตีเสมอ 1-1 เกมกับเลสเตอร์ สโต๊คต้องต่อสู้เพื่อแย่งหนีตกชั้น ชากิรี่ถึงกับบ่นว่าเพื่อนร่วมทีมเล่นกันแย่ไม่มีคุณภาพ วันที่ 5 พฤษภาคม เขายิงประตูเกมที่แพ้คริสตัล พาเลซ 1-2 และสโต๊คต้องตกชั้นสู่ลีกแชมเปี้ยนชิพ เขาลงสนาม 38 เกมในฤดูกาลนี้ และได้ดาวซัลโวของทีมยิงไป 8 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์
ลิเวอร์พูล
เขาย้ายสู่ทีมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2018 ด้วยสัญญา 5 ปี ค่าตัวย้ายทีมอยู่ที่ 13.5 ล้านปอนด์ (ขึ้นอยู่กับจำนวนนัดที่ลงสนาม) ชากิรี่ลงสนามเกมไม่เป็นทางการของสโมสรวันที่ 29 กรกฎาคม ในเกมปรีซีซั่นที่พบแมนยู ชนะ 4-1 โดยเขายิงลูกจักยานอากาศ, เขาลงสนามเกทางการครั้งแรกกับทีมเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นัดพบเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เขาลงมาเป็นตัวสำรองเกมนั้นหงส์แดงชนะ 4-0, เขาลงสนามเป็นผู้เล่นสิบเอ็ดคนแรกวันที่ 22 กันยายน เกมชนะเซาแธมป์ตัน 3-0 เขาได้รับคำชมจาก BBC ให้ได้รับตำแหน่งแมนออฟเดอะ แมตช์ด้วย ชากิรี่ยิงประตูแรกในเกมลีกให้ลิเวอร์พูล วันที่ 27 ตุลาคม ยิงประตูที่สาม เกมชนะคาร์ดิฟฟ์ 4-1, เดือนพฤศจิกายน เขาไม่เดินทางไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับทีมโดยพบเร้ด สตาร์ เบลเกรด เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท (เพราะเขามีเชื้อสายแอลเบเนีย) เดือนถัดมาเขาลงสนามเกมนอร์ธเวสต์ ดาร์บี้เป็นเกมที่ลิเวอร์พูลชนะแมนยู 3-1 ทำให้หงส์แดงชนะปิศาจแดงเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี

ระดับทีมชาติ
เยาวชน
ชากิรี่ประเดิมสนามกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ยู21 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2009 เป็นเกมชนะตุรกี ยู21 3-1 ในฟุตบอลยูโร ยู21 รอบคัดเลือก เขายิงประตูแรกให้ทีมวันที่ 11 มิถุนายน 2011 เกมเปิดสนามรอบสุดท้ายกับเดนมาร์กยู 21
ทีมชาติชุดใหญ่
ยูโร 2012
ชากิรี่ได้รับโปรโมตให้ขึ้นชั้นมาเล่นทีมชาติชุดใหญ่เมื่อปี 2010 เขาประเดิมสนามนัดแรกวันที่ 3 มีนาคม 2010 เกมที่อุ่นเครื่องแพ้อุรุกวัย 3-1 เขายังมีชื่อติดเล่นฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก จากการประกาศของอ๊อตมาร์ ฮิทซ์เฟลด์ (ปีนั้นสวิตเซอร์แลนด์ตกรอบคัดเลือก) ชากิรี่ยิงประตูแรกในนามทีมชาติวันที่ 7 กันยายน 2010 เป็นการยิงด้วยเท้าซ้ายนอกเขต เกมนั้นสวิสแพ้ต่ออังกฤษ 1-3 ในการคัดเลือกฟุตบอลยูโร 2012 เขายิงแฮตทริกเกมยูโร 2012 รอบคัดเลือกวันที่ 6 กันยายน 2011 เกมนั้นสวิสชนะบัลแกเรีย 3-1 ทีมแดนนาฬิกายังเรียกเขาไปให้เล่นฟุตบอลโอลิมปิกกับทีมด้วย แต่เขาขออยู่ฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นกับต้นสังกัดดีกว่า
ฟุตบอลโลก 2014
วันที่ 11 กันยายน 2012 ชากิรี่ไม่ร้องเพลงชาติสวิตเซอร์แลนด์เนื่องจากว่าสวิสพบกับแอลเบเนีย ชาติกำเนิดของเขาที่ลูเซิร์น รวมถึงเขาไม่แสดงความดีใจที่ยิงประตูแอลเบเนียได้กับประตูที่นำ 1-0 ก่อนที่ทีมจะชนะ 2-0 ซึ่งที่จริงแล้วเขาสามารถเลือกเล่นให้สามสัญชาติได้เลย ทั้งโคโซโว, แอลเบเนียและสวิตเซอร์แลนด์ เดือนมิถุนายน 2014 ชากิรี่มีชื่อใน 23 คนไปเล่นฟุตบอลโลก ที่บราซิล เกมเปิดสนามเขาได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากเกมที่ชนะเอกวาดอร์ 2-1 ก่อนจะแพ้ฝรั่งเศสเละเทะ 5-2 แต่ว่าเกมสุดท้ายทีมจากแดนนาฬิกาก็ชนะฮอนดูรัส 3-0 เขายิงแฮตทริกเกมที่ชนะฮอนดูรัส มีประตูหนึ่งที่เขายิงไกลจากระยะ 30 หลา เป็นการการันตีว่าทีมจะผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะทีมรองแชมป์กลุ่ม เข้ารอบไปพบ ฟ้า-ขาว อาร์เจนตินา และแพ้ช่วงต่อเวลา 120 นาที 1-0 อย่างน่าเสียดาย
ยูโร 2016
ชากิรี่ยิง 3 ประตูให้สวิตเซอร์แลนด์เกมรอบคัดเลือก ยูโร 2016 เขาได้ลงสนามเป็นกองหน้าเกมที่แข่งกับลิธัวเนีย วันที่ 15 พฤศจิกายน เกมนั้น สวิสชนะทีมคู่แข่ง 4-0 ที่สนามเซนต์กัลเลน, จากนั้นเกมที่ไปเยือนลิธัวเนีย วันที่ 14 มิถุนายน เขายิงประตูนาที 84 พาทีมชนะได้อีกครั้ง 2-1 ในรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศส เขาได้ลงสนามให้ทีมชาติทั้งหมด 4 เกม ช่วงที่เป็นไฮไลต์คือเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เขายิงลูกจักรยานอากาศ จากมุมเขตโทษ พาทีมเสมอโปแลนด์ 1-1 ที่แซงต์-เอเตียน เขายิงประตูได้อีกครั้งในช่วงยิงจุดโทษตัดสิน แต่ว่าโชคร้ายโปแลนด์ชนะดวลลูกโทษในเกมนั้น หลังเกมชากิรี่กล่าวกับนักข่าววว่า คุณคงไม่รู้ว่าผมทำแบบนี้ได้บ่อยครั้งในการซ้อม
หลังจากที่ลงเล่นให้สวิตเซอร์แลนด์ไปแล้วในฟุตบอลยูโร 2016 ชากิรี่ก็เปลี่ยนใจอยากจะไปเล่นให้ประเทศบ้านเกิด โคโซโว หากว่าผู้จัดการทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ (วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช) ในเวลานั้นไม่ยอมมอบตำแหน่งกัปตันทีมให้เขา สุดท้ายฟีฟ่าประกาศว่าเขาไม่มีสิทธิ์เล่นให้ทีมชาติโคโซโว เพราะลงสนามในนามทีมชุดใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ไปแล้ว (โดยช่วงต้นปี 2016 ฟีฟ่าเพิ่งจะให้การรองรบว่าโคโซโวเป็นชาติที่เป็นสมาชิกของฟีฟ่า)
ฟุตบอลโลก 2018
ชากิรี่มีชื่อติดทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ 23 คนสุดท้ายไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ ในรอบแบ่งกลุ่ม เขายิงประตูชัยให้สวิสจากที่ตามหลัง กลายเป็นชนะ เซอร์เบีย 2-1 เกมนั้นเขากับกรานิต ชาก้าทำท่าดีใจเป็นสัญลักษณ์เหมือนนกอินทรีกางปีก อันเป็นสัญลักษณ์ของธงชาติแอลเบเนีย ทำให้กัปตันทีมสวิตเซอร์แลนด์ สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ต้องออกมาแก้ต่างว่าเป็นการแสดงความดีใจธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายล้อเลียนชาติใด
แต่สุดท้ายชากิรี่และกรานิต ชาก้า (ที่มีเชื้อสายแอลเบเนีย) ก็ถูกฟีฟ่าปรับเงิน 10,000 ฟรังก์สวิสเรื่องจากแสดงกิริยาไม่เหมาะสม ส่วนสเตฟาน ลิชท์สไตเนอร์ถูกปรับ 5,000 ฟรังก์สวิส นอกจากนี้เขายังยิงประตูในนามทีมชาติเทียบเท่ากับ สเตฟาน ชาปุยซาต์ที่ 21 ประตู ติดอันดับท๊อปเทนของดาวซัลโวนักเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
สไตล์การเล่น
ชากิรี่เล่นตำแหน่งปีกขวา ด้วยรูปร่างที่ตันของเขา และตัวเตี้ยวทำให้เขามีจุดศูนย์ถ่วงที่ดี ที่สำคัญเขาเล่นได้ทั้งสองเท้า การผ่านบอลเป็นเลิศ เดลี่ เทเลกราฟให้คำจำกัดความว่า “แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ” หรือบางคนตั้งฉายาให้เขาว่า “เมสซี่แห่งเทือกเขาอัลไพน์”
ชีวิตส่วนตัว
ชากิรีเป็นชาวมุสลิม ชากิรี่มีรูปอยู่ในปกเกม FIFA 2015 ของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่ดวลกับลิโอเนล เมสซี่ของอาร์เจนตินา เขาเป็นพรีเซนเตอร์ในชุดกีฬาและอุปกรณ์กีฬาของไนกี้ เขาสวมรองเท้าไนกี้ เมอร์คิวรี่ เวเปอร์ เขาได้ปักธงชาติของสวิตเซอร์แลนด์และโคโซโว ที่ส้นเท้าอย่างละข้าง