กวาร์ดิโอล่า จุดเปลี่ยนของบาร์ซ่า กับจุดพีคของ เมสซี่, ชาบี้, อิเนียสต้า

กวาร์ดิโอล่า จุดเปลี่ยนของบาร์ซ่า กับจุดพีคของ เมสซี่, ชาบี้, อิเนียสต้า

จอร์ดี้ วินยาลส์ อดีตโค้ชเยาวชนของ บาร์เซโลน่า เชื่อว่า ช่วงเวลาที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมทีม ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์สโมสร หลังนักเตะพรสวรรค์สูงอย่าง ลีโอเนล เมสซี่, อันเดรส อิเนียสต้า และ ชาบี้ เอร์นานเดซ บ่มเพาะได้ที่

กวาร์ดิโอล่าเข้ามากุมบังเหียนในถิ่นคัมป์ นู ในปี 2008 และพาทีมประสบความสำเร็จได้อย่างน่าเหลือเชื่อ คว้าแชมป์ได้ทุกรายการในฤดูกาลแรก โดยพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 3 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย รวมทั้งหมด 14 รายการ ในขณะที่เมสซี่, อิเนียสต้า และชาบี้ เป็นกำลังสำคัญหลักให้กับทีมตลอดช่วง 4 ปี กับปรัชญาการทำทีมในสไตล์ ติกิ ตะกะ และกลายเป็นแบบฉบับของทีมมาจนถึงปัจจุบัน

วินยาลส์เชื่อว่าความอดทนของทีมมีบทบาทสำคัญในการเติบโตของนักเตะทั้งสามราย และก็โชคดีพอที่ได้มีโอกาสอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จได้ วินยาลส์ กล่าวว่า “พวกเขาเป็นกลุ่มนักเตะที่มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ กับสิ่งที่ขึ้น เพราะพวกเขามีโครงการที่ดีกับการให้ความรู้แก่นักเตะ, ทีมงาน และแนวคิดที่มีศักยภาพสูงเพื่อพัฒนาศูนย์ฝึกเยาวชน ชาบี้, อิเนียสต้า และเมสซี่ เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็โชคดีด้วย เพราะพวกเขาไม่ได้มีแค่โอกาสเท่านั้น พวกเขายังใจเย็นและอยู่ในทีม พวกเขาพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง”

“พวกเขามีโค้ชที่ไว้ใจพวกเขา และวันหนึ่งก็มีคนที่เข้าใจอย่างถ่องแท้เข้ามา มันทำให้สมบูรณ์แบบกับนักเตะที่มาจากอะคาเดมี่ เขา (กวาร์ดิโอล่า) มีความกล้าหาญในการตัดสินใจ และเป็นผู้นำให้กับทีม คุณสามารถพูดได้เลยว่า กวาร์ดิโอล่าเป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของสโมสร การรวมตัวกันของนักเตะที่มาจากลา มาเซีย กับแนวทางการเล่นฟุตบอลกับสิ่งที่พวกเขาทำ และมันทำให้ง่ายสำหรับนักเตะที่มาจากทีมเยาวชนด้วย”

แอนซู ฟาติ, ริกี้ ปูอิก และคาร์เลส อเลน่า ยังเป็นนักเตะที่เป็นความหวังให้กับบาร์ซ่าในเวลานี้ ในขณะที่วินยาลส์ ที่เคยทำหน้าที่โค้ชให้กับทีมเยาวชนในช่วงปี 2012-2015 รู้สึกนักเตะในปัจจุบันมักจะได้รับความคาดหวังที่มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา

วินยาลส์ กล่าวว่า “ผมเห็นเด็กอายุ 17-19 ปี พวกเขากลายเป็นพาดหัวข่าว แต่นักเตะทุกคนไม่สามารถรับมือกับมันได้ทุกคน เพราะพวกเขายังไม่ได้โตมากนัก กับการทำแบบนี้ มันทำให้นักเตะต้องเจอกับหลายสิ่งในชีวิต บางคนทำบางอย่างเพียงเพราะว่าสื่อมีอิทธิพลต่อเขา และมันอาจจะทำให้เขาเลือกทางผิดได้ง่าย”